วิทยาเผยรัฐบาลประกาศนโยบายสุขภาพดีที่ชายแดน 31
จังหวัดลดโรคเพิ่มสุขคนไทย-ต่างด้าวถ้วนทั่ว
รัฐบาลประกาศนโยบายสุขภาพดีที่ชายแดน
31 จังหวัดแนวชายแดนไทยกับ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน ตลอด 5,820
กิโลเมตร โดยเน้น 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่
การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ
ให้ครอบคลุมมาตรฐานเหมือนพื้นที่ปกติ
ให้ประชาชนทั้งคนไทยและต่างด้าว เข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน
ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนทั้งไทยและต่างประเทศ
และการบริหารจัดการ
วันนี้ (29 สิงหาคม 2555) ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมผู้บริหาร
ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข
ผู้แทนกระทรวงต่างๆ ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ
ผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดน 31
จังหวัด ผู้ประสานงานสาธารณสุขชายแดนจาก 31 จังหวัด
และนักวิชาการจำนวน 150 คน
เพื่อชี้แจงแผนแม่บทการแก้ปัญหาและพัฒนางานสาธารณสุขชายแดนฉบับที่ 2
พ.ศ.2555-2559
ของกระทรวงสาธารณสุข จัดโดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์
สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29-30 สิงหาคม
2555
เพื่อใช้เป็นกรอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าว
นายวิทยากล่าวว่า
คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนแม่บทการแก้ปัญหาและพัฒนางานสาธารณสุขชายแดน
ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2555-2559 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำขึ้น
เพื่อใช้เป็นกรอบการทำงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มีความสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล
ที่ต้องการพัฒนาสุขภาพประชาชนที่อยู่ตามพื้นที่ชายแดนใน 31
จังหวัดให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี หรือต้องการเห็นการมีสุขภาพดีที่ชายแดน
เนื่องจากการดำเนินงานด้านสุขภาพตามแนวชายแดน
ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน
ในทิศทางที่สอดคล้องกัน ทั้งเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ ความมั่นคงชายแดน
เนื่องจากปัญหาตามแนวชายแดนมีความซับซ้อน
และละเอียดอ่อนกว่าพื้นที่อื่น
โดยแผนแม่บทดังกล่าวประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ การเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน
ความร่วมมือและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
และการบริหารจัดการ
ทังนี้แผนฉบับนี้จะเป็นการสร้างความพร้อมของไทย
ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 จังหวัดตามแนวชายแดน 31 จังหวัด
จะเป็นด่านหน้าของการเคลื่อนย้ายมากมาย
ทั้งประชากรและสินค้าจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามาในฝั่งไทย
จึงต้องเตรียมความพร้อมทุกด้านเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าว
นายวิทยากล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์สภาพปัญหาตามแนวชายแดน
ขณะนี้มีเรื่องที่จะต้องเร่งดำเนินการอย่างน้อย
5 เรื่อง ได้แก่ 1. โรคติดต่อสำคัญ 7 โรค
ได้แก่ มาลาเรีย วัณโรค โรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคอุจจาระร่วง โรคที่ป้องกันด้วยวัคซีน
และโรคที่เกิดขึ้นในอดีตแต่หวนกลับมาเป็นปัญหาใหม่ โดยในปี 2552
พบอัตราป่วยโรคมาลาเรียสูงสุดที่ 3 จังหวัดชายแดน คือ
จ.ตาก อัตราป่วย 1,881 รายต่อแสนประชากร รองลงมาคือ จ.แม่ฮ่องสอน
และ จ.ระนอง และพบปัญหาเชื้อดื้อยาเพราะกินยาไม่ต่อเนื่อง เช่น วัณโรค
มาลาเรีย ทำให้ต้นทุนการรักษาสูงขึ้นเพราะต้องใช้ยาแพงขึ้น
2.ปัญหาอนามัยแม่และเด็ก
พบอัตราการตายของหญิงคลอดบุตรและเด็กแรกเกิดตามแนวชายแดนสูงกว่าพื้นที่ปกติ ค่านิยมของคนต่างด้าวมักชอบมีลูกมาก ทำให้อัตราการเกิดของเด็กที่ไม่มีสัญชาติในไทยสูงกว่าอัตราเกิดของเด็กไทย
3. ข้อจำกัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรักษาต่อระหว่างประเทศ
และพื้นที่พักพิงชั่วคราว ซึ่งไทยมีศูนย์พักพิง 9 แห่งใน 4
จังหวัด คือตาก แม่ฮ่องสอน ราชบุรี กาญจนบุรี
4.การลักลอบนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยและผิดกฎหมาย
ซึ่งพบอยู่เนืองๆ 5. ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลกระทบสุขภาพ เช่น
การสู้รบตามแนวชายแดน การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว
ซึ่งส่วนใหญ่ยังผิดกฎหมายคาดว่ามีประมาณ 2 ล้านคน
โดยมีแรงงานต่างด้าวจดทะเบียนกับกระทรวงแรงงาน 9
แสนกว่าคน
และมีคนต่างด้าวหรือคนไร้รัฐที่รอการพิสูจน์สถานะประมาณ 19
ชาติพันธุ์จำนวนกว่า 400,000 ราย
นายวิทยากล่าวต่อว่า ในการพัฒนา
แก้ไขปัญหาดังกล่าว
กระทรวงสาธารณสุขจะกระจายสถานบริการที่มีมาตรฐานเหมือนพื้นที่ปกติ
ให้มีจำนวนเพียงพอ จัดระบบบริการที่เป็นมิตร จัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยข้ามแดนและผู้ป่วยจากพื้นที่พักพิงชั่วคราว
เพื่อการดูแลรักษาให้หาย ไม่เป็นแหล่งแพร่เชื้อ
จัดระบบการป้องกัน เฝ้าระวังโรคพื้นที่ชายแดนและข้ามเขตแดน
โดยให้มีการจัดประชุมร่วมระหว่างจังหวัดชายแดนไทย
กับประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกัน หรือจังหวัดคู่แฝด ปีละอย่างน้อย 2
ครั้ง เพื่อร่วมมือกันกวาดล้างโรค พัฒนาระบบริการ
และคุ้มครองความปลอดภัย อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ที่จำหน่ายตามแนวชายแดนร่วมกัน และจะเร่งรัดระบบการจ้างแรงงานต่างด้าวให้ถูกกฎหมายทั้งหมด
ภายใต้ความร่วมมือรัฐบาล ประเทศพม่า กัมพูชา และลาว
ขยายบริการสุขภาพ ให้แรงงานต่างด้าวซื้อบัตรประกันสุขภาพในราคา
1,900 บาท คุ้มครอง 1 ปี
ซึ่งจะได้สิทธิประโยชน์ดูแลรักษาเท่าเทียมคนไทย ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมป้องกันโรคติดต่อที่มากับต่างด้าวได้
ทั้งนี้ 31
จังหวัดชายแดนประเทศไทยมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ
ความยาวรวม 5,820 กิโลเมตร เป็นพรมแดนทางบก 3,205 กิโลเมตร
ทางน้ำและชายฝั่งทะเล 2,164 กิโลเมตร โดยติดกับพม่า 10
จังหวัด กัมพูชา 7 จังหวัด ลาว 12
จังหวัดและมาเลเซีย 4
จังหวัด และมีต่างด้าวข้ามมาใช้มาบริการตรวจรักษาพยาบาลในฝั่งไทยประมาณร้อยละ
10-20 ของผู้ป่วยไทย
***************************************** 29
สิงหาคม 2555
|